ลำดับ | เรื่องที่ต้องปฏิบัติ |
อ้างอิงกฎหมาย ฉบับที่ |
---|---|---|
พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535
จำนวน 10 ฉบับ |
||
พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 จำนวน 13 ฉบับ |
||
พระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522
จำนวน 2 ฉบับ |
||
1 | กฎหมายกำหนดให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีอำนาจประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา กำหนดมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางน้ำได้แก่ มาตรฐานคุณภาพน้ำผิวดิน มาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งรวมทั้งบริเวณพื้นที่ปากแม่น้ำ และมาตรฐานคุณภาพน้ำบาดาล เป็นต้น | [2] |
2 | ผู้ประกอบกิจการที่เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษน้ำจะต้องควบคุมการปล่อยน้ำเสียหรือของเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อมนอกเขตที่ตั้ง แหล่งกำเนิดมลพิษไม่เกินมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งที่กำหนด และน้ำเสียที่ได้รับการบำบัดโดยระบบบำบัดน้ำเสียรวมของทางราชการหรือระบบบำบัดน้ำเสียของผู้ได้รับใบอนุญาต รับจ้างให้บริการบำบัดน้ำเสียหรือกำจัดของเสียจะต้องมีคุณสมบัติตามมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดที่กำหนด | [1],[2] |
3 | กฎหมายกำหนดให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ทางวิชาการเกี่ยวกับการออกแบบระบบรวบรวมน้ำ เสีย และระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชน สำหรับให้หน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบระบบรวบรวมน้ำเสีย และระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนนำไปใช้เป็นแนวทางในการออกแบบระบบสำหรับการจัดการน้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสม | [2],[22] |
4 | "กฎหมายกำหนดอาคารประเภท ข. เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม ห้ามมิให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารประเภท ข. ปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม เว้นแต่น้ำเสียจะมีลักษณะเป็นไปตามมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากอาคารประเภท ข. ที่กำหนดไว้ แต่ทั้งนี้ต้องไม่ใช้วิธีทำให้เจือจาง (Dilution) (หมายเหตุ: ใช้ในพื้นที่พาณิชยกรรมภายในนิคมอุตสาหกรรมเท่านั้น)" | [1],[2],[5] |
5 | ผู้ประกอบกิจการหรือผู้ควบคุมระบบบำบัดน้ำเสียต้องเก็บสถิติและข้อมูลซึ่งแสดงผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียในแต่ละวัน และจัดทำบันทึกรายละเอียดดังกล่าวตามแบบ ทส. 1 เก็บไว้ ณ สถานที่ตั้งแหล่งกำเนิดมลพิษนั้นเป็นระยะเวลาสองปีนับแต่วันที่มีการเก็บสถิติและข้อมูลนั้น | [1],[2],[3] |
6 | ผู้ประกอบกิจการหรือผู้ควบคุมระบบบำบัดน้ำเสียต้องจัดทำรายงานสรุปผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียในแต่ละเดือนตามแบบ ทส. 2 และเสนอรายงานดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นภายในวันที่สิบห้าของเดือนถัดไป โดยยื่นต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นแห่งท้องที่ที่แหล่งกำเนิดมลพิษนั้นตั้งอยู่ | [1],[2],[3] |
7 | นิคมอุตสาหกรรม โรงงานจำพวกที่ 2 และจำพวกที่ 3 เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องควบคุมการปล่อยน้ำเสียลงแหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม และห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมปล่อยน้ำเสียโดยไม่ผ่านการบำบัดก่อน และน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วจะปล่อยออกจากโรงงานได้ก็ต่อเมื่อมีคุณภาพได้ตามมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมและมาตรฐานของการนิคมอุตสาหกรรมกำหนดไว้ | [1],[2],[7],[8],[16] |
8 | วิธีการเก็บ ความถี่ และระยะเวลาในการเก็บตัวอย่างน้ำทิ้งของนิคมอุตสาหกรรมให้เก็บตามวิธีการที่กฎหมายกำหนด และการตรวจสอบค่ามาตรฐานน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมจะต้องเป็นไปตามคู่มือวิเคราะห์น้ำและน้ำเสียของสมาคมวิศวกรสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย หรือ Standard Method for the Examination of Water and Wastewater ซึ่ง American Public Health Association, American Water Work Association และ Water Environment Federation ของสหรัฐอเมริการ่วมกันกำหนดไว้ด้วย | [1],[2],[17],[25] |
9 | กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้ง (ใหม่) จากโรงงานอุตสาหกรรมนิคมอุตสาหกรรม และเขตประกอบการอุตสาหกรรม และการตรวจสอบค่ามาตรฐานน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม และเขตประกอบการอุตสาหกรรม ในพารามิเตอร์ ได้แก่ ความเป็นกรดและด่าง อุณหภูมิ สี ของแข็งละลายน้ำทั้งหมด ของแข็งแขวนลอยทั้งหมด บีโอดี ซีโอดี ซัลไฟด์ ไซยาไนด์ น้ำมันและไขมัน ฟอร์มาลดีไฮด์ สารประกอบฟีนอล คลอรีนอิสระ สารฆ่าศัตรูพืชและสัตว์ ทีเคเอ็น และ โลหะหนัก | [1],[2],[5] |
10 | "การติดตั้งเครื่องตรวจวัดค่าบีโอดีในระบบบำบัดน้ำเสีย และเครื่องตรวจวัดค่าซีโอดีในระบบบำบัดน้ำเสีย ได้แก่ · กำหนดให้โรงงานที่ต้องติดตั้งเครื่องตรวจวัดค่าบีโอดีในระบบบำบัดน้ำเสีย ได้แก่ โรงงานลำดับที่ 4 โรงงานลำดับที่ 5 โรงงานลำดับที่ 6 โรงงานลำดับที่ 7 โรงงานลำดับที่ 8 โรงงานลำดับที่ 9 โรงงานลำดับที่ 10 โรงงานลำดับที่ 11 โรงงานลำดับที่ 13 โรงงานลำดับที่ 15 โรงงานลำดับที่ 16 โรงงานลำดับที่ 17 โรงงานลำดับที่ 19 โรงงานลำดับที่ 20 และโรงงานลำดับที่ 52 · กำหนดให้โรงงานที่ต้องติดตั้งเครื่องตรวจวัดค่าซีโอดีในระบบบำบัดน้ำเสีย ได้แก่ โรงงานลำดับที่ 22 โรงงานลำดับที่ 24 โรงงานลำดับที่ 29 โรงงานลำดับที่ 38 โรงงานลำดับที่ 40 โรงงานลำดับที่ 42 โรงงานลำดับที่ 44 และโรงงานลำดับที่ 49 · โรงงานลำดับที่ 101 ต้องติดตั้งเครื่องตรวจวัดค่าซีโอดีหรือเครื่องตรวจวัดค่าบีโอดีอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือต้องติดตั้งเครื่องตรวจวัดค่าซีโอดีและเครื่องตรวจวัดค่าบีโอดีทั้งสองอย่าง · เครื่องตรวจวัดค่าบีโอดีแบบออนไลน์หรือเครื่องตรวจวัดค่าซีโอดีแบบออนไลน์ต้องมีคุณสมบัติตามที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด และต้องมีผลการตรวจวัดค่าบีโอดีและค่าซีโอดีไม่คลาดเคลื่อนตามที่กฎหมายกำหนด (หมายเหตุ: เฉพาะโรงงานที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมที่ไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางเท่านั้น)" | [1],[21] |
11 | เครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์เพิ่มเติม เพื่อรายงานการระบายนํ้าทิ้งออกจากโรงงาน ประกอบด้วยติดตั้งเครื่องวัดอัตราการไหลของนํ้าทิ้งออกจากโรงงานและติดตั้งมาตรวัด ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสำหรับระบบบำบัดนํ้าเสียโดยเครื่องวัดอัตราการไหลของนํ้าทิ้งออกจากโรงงาน และติดตั้งเครื่องตรวจวัดค่าบีโอดี (Biochemical Oxygen Demand) และหรือเครื่องตรวจวัดค่าซีโอดี (Chemical Oxygen Demand) ของนํ้าทิ้งที่สามารถให้สัญญาณไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง และส่งเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของโรงงานเพื่อบันทึกข้อมูลและแสดงข้อมูลย้อนหลังได้อย่างต่อเนื่อง โรงงานใดจะต้องติดตั้งเครื่องตรวจวัดค่าบีโอดีหรือเครื่องตรวจวัดค่าซีโอดี หรือติดตั้งเครื่องตรวจวัดทั้งสองชนิดดังกล่าว ต้องได้รับความเห็นชอบจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม | [1],[10],[11],[12],[13] |
12 | โรงงานตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ที่มีการระบายนํ้าทิ้งออกจากโรงงานที่มีปริมาณนํ้าทิ้งเกินกว่า 10,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันขึ้นไป หรือ โรงงานที่มีปริมาณนํ้าทิ้งตั้งแต่ 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันขึ้นไป จนถึง 10,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือมีปริมาณความสกปรกในรูปของปริมาณบีโอดีช่วงไหลเข้า (Influent BOD Load) ตั้งแต่ 4,000 กิโลกรัม ต่อวันขึ้นไป ต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์เพิ่มเติม เพื่อรายงานการระบายนํ้าทิ้งออกจากโรงงานเข้ากับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม เว้นแต่โรงงานที่ไม่มีการระบายนํ้าทิ้งออกจากโรงงานและโรงงานที่มีการนำ นํ้าทิ้งไปบำบัดที่โรงงานปรับคุณภาพของเสียรวม (Central Waste Treatment Plant) ไม่ต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์ดังกล่าว | [1],[10] |
13 | ห้ามระบายน้ำทิ้งออกจากโรงงานเว้นแต่ได้ทำการบำบัดจนน้ำทิ้งนั้นมีลักษณะเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่ห้ามใช้วิธีทำให้เจือจาง (Dilution) | [1],[4] |
14 | น้ำเสียหรือน้ำที่ผ่านการใช้แล้วทุกชนิดจากอาคารหรือแปลงที่ดิน ให้ระบายลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางของนิคมอุตสาหกรรม ทั้งนี้เกณฑ์คุณภาพของน้ำดังกล่าวต้องเป็นไปตามที่ กนอ. กำหนด | [1],[18] |
15 | ผู้ประกอบกิจการจะต้องแสดงแบบแปลนระบบระบายน้ำเสียและระบบระบายน้ำฝนจากอาคารหรือแปลงที่ดินของตนให้เหมาะสมกับแหล่งรองรับน้ำทั้งสองระบบ เช่น ระบบระบายน้ำเสียต้องแยกออกจากระบบระบายน้ำฝนโดยเด็ดขาด ทางระบายน้ำฝนที่ใช้สำหรับการระบายน้ำฝนมีลักษณะที่สามารถทำความสะอาดได้โดยสะดวกและต้องจัดให้มีบ่อตรวจการระบายน้ำฝนและตะแกรงดักขยะอยู่ในสถานที่ตรวจสอบได้สะดวก ก่อนที่จะระบายน้ำฝนลงสู่ระบบระบายน้ำฝนของนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น | [1],[18] |
16 | ระบบระบายน้ำเสียของผู้ประกอบกิจการต้องก่อสร้างเป็นระบบปิด และต้องจัดให้มีบ่อตรวจคุณภาพน้ำเสีย พร้อมประตูน้ำปิด-เปิดซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ตลอดเวลา ก่อนที่จะระบายน้ำเสียลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางของนิคมอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ตามแบบที่ กนอ. กำหนดหรือให้ความเห็นชอบ | [1],[18] |
17 | การระบายน้ำเสียลงสู่ระบบบำบัดส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรม ผู้ประกอบกิจการจะต้องก่อสร้างระบบระบายน้ำเสียเพื่อระบายน้ำเสียทุกส่วนลงสู่ท่อระบายน้ำส่วนกลางให้เป็นตามหลักเกณฑ์ที่ กนอ. กำหนดไว้ | [1],[19] |
18 | ห้ามผู้ประกอบกิจการระบายสารที่มีผลต่อการระบายและการบำบัดน้ำเสียเข้าสู่ท่อระบายน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรม เช่น สารที่มีความหนืดสูง สารที่จับหรือตกตะกอนในท่อระบายแล้วทำให้อุดตัน หรือวัสดุที่ทำให้อุดตัน ตะกอนแคลเซียมคาร์ไบด์ สารทำละลาย เป็นต้น | [1],[19] |
19 | โรงงานที่ขออนุญาตตั้ง หรือขยายโรงงานซึ่งมีน้ำเสียจากการประกอบกิจการต้องมีระบบบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถบำบัดน้ำเสียที่เกิดขึ้นจากการประกอบกิจการจนสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด หรือมีระบบเก็บกักที่สามารถเก็บกักน้ำทิ้งทั้งหมดโดยไม่รั่วซึมลงสู่แหล่งน้ำใต้ดิน และต้องไม่ระบายออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อม เช่น คลองหลัก คลองเชื่อม ฯลฯ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสาธารณะ | [1],[15] |
20 | "ผู้ประกอบกิจการโรงงานมีหน้าที่ต้องจัดทำแบบรายงานข้อมูลทั่วไป (แบบ รว.1) สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม แบบรายงานมลพิษน้ำ (แบบ รว.2) สำหรับโรงงานที่ต้องมีผู้ควบคุมระบบบำบัดมลพิษน้ำ แบบรายงานมลพิษอากาศ (แบบ รว.3) สำหรับโรงงานที่ต้องมีผู้ควบคุมระบบบำบัดมลพิษอากาศให้ถูกต้องหรือสมบูรณ์ แล้วแต่กรณี และส่งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายในสี่สิบห้าวัน นับจากวันได้รับแจ้งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้กฎหมายได้กำหนดรายละเอียดหลักเกณฑ์ไว้ดังนี้ กำหนดประเภทหรือชนิดของโรงงานที่ต้องรายงาน รวมทั้งรูปแบบและวิธีการจัดทำรายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษที่ระบายออกจากโรงงาน (รว. 1, รว. 2, และ รว.3) ให้เป็นไปตามหลักวิชาการทั้งมลพิษน้ำและมลพิษอากาศ กำหนดวิธีการได้มาของข้อมูลการจัดทำรายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษที่ระบายออกจากโรงงานแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ข้อมูลจากตรวจวัดวิเคราะห์โดยให้ใช้วิธีการตามมาตรฐานที่กำหนดในประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม และข้อมูลจากการคำนวณโดยให้ใช้วิธีการคำนวณที่ยอมรับในระดับสากล กำหนดเงื่อนไขในการเก็บตัวอย่างน้ำและพารามิเตอร์ในการเก็บตัวอย่างน้ำเสียหรือน้ำทิ้ง และการเก็บตัวอย่างอากาศและพารามิเตอร์ในการเก็บตัวอย่างอากาศที่ระบายออกจากปล่องระบายอากาศของโรงงานสำหรับใช้ในการจัดทำรายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษ (รว. 1, รว. 2, และ รว.3) กำหนดแบบรายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษ (รว. 1, รว. 2, และ รว.3) วิธีการส่งรายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ การเก็บรักษารายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษไว้ที่โรงงานและผู้ประกอบกิจการโรงงานหรือผู้รับมอบอำนาจและผู้ควบคุม ดูแลระบบป้องกันสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ เป็นผู้ลงนามรับรองในแบบรายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษ" | [1],[7],[8],[9],[20],[26] |
ลำดับ | เรื่องที่ต้องปฏิบัติ |
อ้างอิงกฎหมาย ฉบับที่ |
---|---|---|
พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535
จำนวน 10 ฉบับ |
||
พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 จำนวน 13 ฉบับ |
||
พระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522
จำนวน 2 ฉบับ |
||
1 | กฎหมายกำหนดให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีอำนาจประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา กำหนดมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางน้ำได้แก่ มาตรฐานคุณภาพน้ำผิวดิน มาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งรวมทั้งบริเวณพื้นที่ปากแม่น้ำ และมาตรฐานคุณภาพน้ำบาดาล เป็นต้น | [2] |
2 | ผู้ประกอบกิจการที่เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษน้ำจะต้องควบคุมการปล่อยน้ำเสียหรือของเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อมนอกเขตที่ตั้ง แหล่งกำเนิดมลพิษไม่เกินมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งที่กำหนด และน้ำเสียที่ได้รับการบำบัดโดยระบบบำบัดน้ำเสียรวมของทางราชการหรือระบบบำบัดน้ำเสียของผู้ได้รับใบอนุญาต รับจ้างให้บริการบำบัดน้ำเสียหรือกำจัดของเสียจะต้องมีคุณสมบัติตามมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดที่กำหนด | [1],[2] |
3 | กฎหมายกำหนดให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ทางวิชาการเกี่ยวกับการออกแบบระบบรวบรวมน้ำ เสีย และระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชน สำหรับให้หน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบระบบรวบรวมน้ำเสีย และระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนนำไปใช้เป็นแนวทางในการออกแบบระบบสำหรับการจัดการน้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสม | [2],[22] |
4 | "กฎหมายกำหนดอาคารประเภท ข. เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม ห้ามมิให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารประเภท ข. ปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม เว้นแต่น้ำเสียจะมีลักษณะเป็นไปตามมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากอาคารประเภท ข. ที่กำหนดไว้ แต่ทั้งนี้ต้องไม่ใช้วิธีทำให้เจือจาง (Dilution) (หมายเหตุ: ใช้ในพื้นที่พาณิชยกรรมภายในนิคมอุตสาหกรรมเท่านั้น)" | [1],[2],[5] |
5 | ผู้ประกอบกิจการหรือผู้ควบคุมระบบบำบัดน้ำเสียต้องเก็บสถิติและข้อมูลซึ่งแสดงผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียในแต่ละวัน และจัดทำบันทึกรายละเอียดดังกล่าวตามแบบ ทส. 1 เก็บไว้ ณ สถานที่ตั้งแหล่งกำเนิดมลพิษนั้นเป็นระยะเวลาสองปีนับแต่วันที่มีการเก็บสถิติและข้อมูลนั้น | [1],[2],[3] |
6 | ผู้ประกอบกิจการหรือผู้ควบคุมระบบบำบัดน้ำเสียต้องจัดทำรายงานสรุปผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียในแต่ละเดือนตามแบบ ทส. 2 และเสนอรายงานดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นภายในวันที่สิบห้าของเดือนถัดไป โดยยื่นต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นแห่งท้องที่ที่แหล่งกำเนิดมลพิษนั้นตั้งอยู่ | [1],[2],[3] |
7 | นิคมอุตสาหกรรม โรงงานจำพวกที่ 2 และจำพวกที่ 3 เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องควบคุมการปล่อยน้ำเสียลงแหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม และห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมปล่อยน้ำเสียโดยไม่ผ่านการบำบัดก่อน และน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วจะปล่อยออกจากโรงงานได้ก็ต่อเมื่อมีคุณภาพได้ตามมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมและมาตรฐานของการนิคมอุตสาหกรรมกำหนดไว้ | [1],[2],[7],[8],[16] |
8 | วิธีการเก็บ ความถี่ และระยะเวลาในการเก็บตัวอย่างน้ำทิ้งของนิคมอุตสาหกรรมให้เก็บตามวิธีการที่กฎหมายกำหนด และการตรวจสอบค่ามาตรฐานน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมจะต้องเป็นไปตามคู่มือวิเคราะห์น้ำและน้ำเสียของสมาคมวิศวกรสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย หรือ Standard Method for the Examination of Water and Wastewater ซึ่ง American Public Health Association, American Water Work Association และ Water Environment Federation ของสหรัฐอเมริการ่วมกันกำหนดไว้ด้วย | [1],[2],[17],[25] |
9 | กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้ง (ใหม่) จากโรงงานอุตสาหกรรมนิคมอุตสาหกรรม และเขตประกอบการอุตสาหกรรม และการตรวจสอบค่ามาตรฐานน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม และเขตประกอบการอุตสาหกรรม ในพารามิเตอร์ ได้แก่ ความเป็นกรดและด่าง อุณหภูมิ สี ของแข็งละลายน้ำทั้งหมด ของแข็งแขวนลอยทั้งหมด บีโอดี ซีโอดี ซัลไฟด์ ไซยาไนด์ น้ำมันและไขมัน ฟอร์มาลดีไฮด์ สารประกอบฟีนอล คลอรีนอิสระ สารฆ่าศัตรูพืชและสัตว์ ทีเคเอ็น และ โลหะหนัก | [1],[2],[5] |
10 | "การติดตั้งเครื่องตรวจวัดค่าบีโอดีในระบบบำบัดน้ำเสีย และเครื่องตรวจวัดค่าซีโอดีในระบบบำบัดน้ำเสีย ได้แก่ · กำหนดให้โรงงานที่ต้องติดตั้งเครื่องตรวจวัดค่าบีโอดีในระบบบำบัดน้ำเสีย ได้แก่ โรงงานลำดับที่ 4 โรงงานลำดับที่ 5 โรงงานลำดับที่ 6 โรงงานลำดับที่ 7 โรงงานลำดับที่ 8 โรงงานลำดับที่ 9 โรงงานลำดับที่ 10 โรงงานลำดับที่ 11 โรงงานลำดับที่ 13 โรงงานลำดับที่ 15 โรงงานลำดับที่ 16 โรงงานลำดับที่ 17 โรงงานลำดับที่ 19 โรงงานลำดับที่ 20 และโรงงานลำดับที่ 52 · กำหนดให้โรงงานที่ต้องติดตั้งเครื่องตรวจวัดค่าซีโอดีในระบบบำบัดน้ำเสีย ได้แก่ โรงงานลำดับที่ 22 โรงงานลำดับที่ 24 โรงงานลำดับที่ 29 โรงงานลำดับที่ 38 โรงงานลำดับที่ 40 โรงงานลำดับที่ 42 โรงงานลำดับที่ 44 และโรงงานลำดับที่ 49 · โรงงานลำดับที่ 101 ต้องติดตั้งเครื่องตรวจวัดค่าซีโอดีหรือเครื่องตรวจวัดค่าบีโอดีอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือต้องติดตั้งเครื่องตรวจวัดค่าซีโอดีและเครื่องตรวจวัดค่าบีโอดีทั้งสองอย่าง · เครื่องตรวจวัดค่าบีโอดีแบบออนไลน์หรือเครื่องตรวจวัดค่าซีโอดีแบบออนไลน์ต้องมีคุณสมบัติตามที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด และต้องมีผลการตรวจวัดค่าบีโอดีและค่าซีโอดีไม่คลาดเคลื่อนตามที่กฎหมายกำหนด (หมายเหตุ: เฉพาะโรงงานที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมที่ไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางเท่านั้น)" | [1],[21] |
11 | เครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์เพิ่มเติม เพื่อรายงานการระบายนํ้าทิ้งออกจากโรงงาน ประกอบด้วยติดตั้งเครื่องวัดอัตราการไหลของนํ้าทิ้งออกจากโรงงานและติดตั้งมาตรวัด ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสำหรับระบบบำบัดนํ้าเสียโดยเครื่องวัดอัตราการไหลของนํ้าทิ้งออกจากโรงงาน และติดตั้งเครื่องตรวจวัดค่าบีโอดี (Biochemical Oxygen Demand) และหรือเครื่องตรวจวัดค่าซีโอดี (Chemical Oxygen Demand) ของนํ้าทิ้งที่สามารถให้สัญญาณไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง และส่งเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของโรงงานเพื่อบันทึกข้อมูลและแสดงข้อมูลย้อนหลังได้อย่างต่อเนื่อง โรงงานใดจะต้องติดตั้งเครื่องตรวจวัดค่าบีโอดีหรือเครื่องตรวจวัดค่าซีโอดี หรือติดตั้งเครื่องตรวจวัดทั้งสองชนิดดังกล่าว ต้องได้รับความเห็นชอบจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม | [1],[10],[11],[12],[13] |
12 | โรงงานตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ที่มีการระบายนํ้าทิ้งออกจากโรงงานที่มีปริมาณนํ้าทิ้งเกินกว่า 10,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันขึ้นไป หรือ โรงงานที่มีปริมาณนํ้าทิ้งตั้งแต่ 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันขึ้นไป จนถึง 10,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือมีปริมาณความสกปรกในรูปของปริมาณบีโอดีช่วงไหลเข้า (Influent BOD Load) ตั้งแต่ 4,000 กิโลกรัม ต่อวันขึ้นไป ต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์เพิ่มเติม เพื่อรายงานการระบายนํ้าทิ้งออกจากโรงงานเข้ากับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม เว้นแต่โรงงานที่ไม่มีการระบายนํ้าทิ้งออกจากโรงงานและโรงงานที่มีการนำ นํ้าทิ้งไปบำบัดที่โรงงานปรับคุณภาพของเสียรวม (Central Waste Treatment Plant) ไม่ต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์ดังกล่าว | [1],[10] |
13 | ห้ามระบายน้ำทิ้งออกจากโรงงานเว้นแต่ได้ทำการบำบัดจนน้ำทิ้งนั้นมีลักษณะเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่ห้ามใช้วิธีทำให้เจือจาง (Dilution) | [1],[4] |
14 | น้ำเสียหรือน้ำที่ผ่านการใช้แล้วทุกชนิดจากอาคารหรือแปลงที่ดิน ให้ระบายลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางของนิคมอุตสาหกรรม ทั้งนี้เกณฑ์คุณภาพของน้ำดังกล่าวต้องเป็นไปตามที่ กนอ. กำหนด | [1],[18] |
15 | ผู้ประกอบกิจการจะต้องแสดงแบบแปลนระบบระบายน้ำเสียและระบบระบายน้ำฝนจากอาคารหรือแปลงที่ดินของตนให้เหมาะสมกับแหล่งรองรับน้ำทั้งสองระบบ เช่น ระบบระบายน้ำเสียต้องแยกออกจากระบบระบายน้ำฝนโดยเด็ดขาด ทางระบายน้ำฝนที่ใช้สำหรับการระบายน้ำฝนมีลักษณะที่สามารถทำความสะอาดได้โดยสะดวกและต้องจัดให้มีบ่อตรวจการระบายน้ำฝนและตะแกรงดักขยะอยู่ในสถานที่ตรวจสอบได้สะดวก ก่อนที่จะระบายน้ำฝนลงสู่ระบบระบายน้ำฝนของนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น | [1],[18] |
16 | ระบบระบายน้ำเสียของผู้ประกอบกิจการต้องก่อสร้างเป็นระบบปิด และต้องจัดให้มีบ่อตรวจคุณภาพน้ำเสีย พร้อมประตูน้ำปิด-เปิดซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ตลอดเวลา ก่อนที่จะระบายน้ำเสียลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางของนิคมอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ตามแบบที่ กนอ. กำหนดหรือให้ความเห็นชอบ | [1],[18] |
17 | การระบายน้ำเสียลงสู่ระบบบำบัดส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรม ผู้ประกอบกิจการจะต้องก่อสร้างระบบระบายน้ำเสียเพื่อระบายน้ำเสียทุกส่วนลงสู่ท่อระบายน้ำส่วนกลางให้เป็นตามหลักเกณฑ์ที่ กนอ. กำหนดไว้ | [1],[19] |
18 | ห้ามผู้ประกอบกิจการระบายสารที่มีผลต่อการระบายและการบำบัดน้ำเสียเข้าสู่ท่อระบายน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรม เช่น สารที่มีความหนืดสูง สารที่จับหรือตกตะกอนในท่อระบายแล้วทำให้อุดตัน หรือวัสดุที่ทำให้อุดตัน ตะกอนแคลเซียมคาร์ไบด์ สารทำละลาย เป็นต้น | [1],[19] |
19 | โรงงานที่ขออนุญาตตั้ง หรือขยายโรงงานซึ่งมีน้ำเสียจากการประกอบกิจการต้องมีระบบบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถบำบัดน้ำเสียที่เกิดขึ้นจากการประกอบกิจการจนสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด หรือมีระบบเก็บกักที่สามารถเก็บกักน้ำทิ้งทั้งหมดโดยไม่รั่วซึมลงสู่แหล่งน้ำใต้ดิน และต้องไม่ระบายออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อม เช่น คลองหลัก คลองเชื่อม ฯลฯ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสาธารณะ | [1],[15] |
20 | "ผู้ประกอบกิจการโรงงานมีหน้าที่ต้องจัดทำแบบรายงานข้อมูลทั่วไป (แบบ รว.1) สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม แบบรายงานมลพิษน้ำ (แบบ รว.2) สำหรับโรงงานที่ต้องมีผู้ควบคุมระบบบำบัดมลพิษน้ำ แบบรายงานมลพิษอากาศ (แบบ รว.3) สำหรับโรงงานที่ต้องมีผู้ควบคุมระบบบำบัดมลพิษอากาศให้ถูกต้องหรือสมบูรณ์ แล้วแต่กรณี และส่งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายในสี่สิบห้าวัน นับจากวันได้รับแจ้งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้กฎหมายได้กำหนดรายละเอียดหลักเกณฑ์ไว้ดังนี้ กำหนดประเภทหรือชนิดของโรงงานที่ต้องรายงาน รวมทั้งรูปแบบและวิธีการจัดทำรายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษที่ระบายออกจากโรงงาน (รว. 1, รว. 2, และ รว.3) ให้เป็นไปตามหลักวิชาการทั้งมลพิษน้ำและมลพิษอากาศ กำหนดวิธีการได้มาของข้อมูลการจัดทำรายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษที่ระบายออกจากโรงงานแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ข้อมูลจากตรวจวัดวิเคราะห์โดยให้ใช้วิธีการตามมาตรฐานที่กำหนดในประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม และข้อมูลจากการคำนวณโดยให้ใช้วิธีการคำนวณที่ยอมรับในระดับสากล กำหนดเงื่อนไขในการเก็บตัวอย่างน้ำและพารามิเตอร์ในการเก็บตัวอย่างน้ำเสียหรือน้ำทิ้ง และการเก็บตัวอย่างอากาศและพารามิเตอร์ในการเก็บตัวอย่างอากาศที่ระบายออกจากปล่องระบายอากาศของโรงงานสำหรับใช้ในการจัดทำรายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษ (รว. 1, รว. 2, และ รว.3) กำหนดแบบรายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษ (รว. 1, รว. 2, และ รว.3) วิธีการส่งรายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ การเก็บรักษารายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษไว้ที่โรงงานและผู้ประกอบกิจการโรงงานหรือผู้รับมอบอำนาจและผู้ควบคุม ดูแลระบบป้องกันสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ เป็นผู้ลงนามรับรองในแบบรายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษ" | [1],[7],[8],[9],[20],[26] |
ลำดับ | รายชื่อกฎหมาย | กฎหมาย |
---|---|---|
1 | พระราชบัญญัติ โรงงาน พ.ศ. 2535 | |
2 | พระราชบัญญัติ ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 | |
3 | กฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และแบบการเก็บสถิติและข้อมูล การจัดทำบันทึกรายละเอียด และรายงานสรุปผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสีย พ.ศ. 2555 | |
4 | กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 | |
5 | ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทของอาคารเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุม การปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรืออกสู่สิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ 2) | |
6 | ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม และเขตประกอบการอุตสาหกรรม | |
7 | ประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2539) เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากแหล่งกำเนิดประเภทโรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรม | |
8 | ประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2539) เรื่อง กำหนดประเภทของโรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรม เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม | |
9 | ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดทำรายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษที่ระบายออกจากโรงงาน พ.ศ. 2558 | |
10 | ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดให้โรงงานที่ต้องมีระบบบำบัดนํ้าเสียต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์เพิ่มเติม พ.ศ. 2547 | |
11 | ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดให้โรงงานที่ต้องมีระบบบำบัดนํ้าเสียต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์เพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 | |
12 | ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดให้โรงงานที่ต้องมีระบบบำบัดนํ้าเสียต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์เพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2549 | |
13 | ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดให้โรงงานที่ต้องมีระบบบำบัดนํ้าเสียต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษและเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์เพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2552 | |
14 | ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดคุณลักษณะน้ำทิ้งที่ระบายออกนอกโรงงานให้มีค่าแตกต่างจากที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2539) เรื่อง กำหนดคุณลักษณะของน้ำทิ้งที่ระบายออกจากโรงงาน | |
15 | ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง มาตรการควบคุมปริมาณความสกปรกของน้ำทิ้งจากภาคอุตสาหกรรม เพื่อฟื้นฟูคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา พ.ศ. 2551 | |
16 | ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการพิจารณาอนุญาตโรงงานอุตสาหกรรมนำน้ำทิ้งของโรงงานไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่เกษตรกรรมในช่วงภัยแล้ง ปี พ.ศ. 2559 | |
17 | ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2539) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 เรื่อง กำหนดคุณลักษณะของน้ำทิ้งที่ระบายออกจากโรงงาน | |
18 | ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ 103 /2556 เรื่อง การพัฒนาที่ดินสำหรับผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม | |
19 | ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ 78 /2554 เรื่อง หลักเกณฑ์ทั่วไปในการระบายน้ำเสียเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรม | |
20 | ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่อง แบบรายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษที่ระบายออกจากโรงงาน พ.ศ. 2559 | |
21 | ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์การให้ความเห็นชอบให้โรงงานที่ต้องมีระบบบำบัดน้ำเสียต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษ และเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์เพิ่มเติม พ.ศ. 2550 | |
22 | ประกาศกรมควบคุมมลพิษ เรื่อง เกณฑ์การออกแบบระบบรวบรวมน้ำเสีย และระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชน | |
23 | ประกาศกรมควบคุมมลพิษ เรื่อง การคิดคำนวณพื้นที่ใช้สอย จำนวนอาคาร และจำนวนห้องของอาคาร หรือกลุ่มของอาคาร วิธีการเก็บตัวอย่างน้ำ ความถี่และระยะเวลาในการเก็บตัวอย่างน้ำ | |
24 | ประกาศกรมควบคุมมลพิษ เรื่อง วิธีการเก็บตัวอย่างน้ำทิ้ง ความถี่ และระยะเวลาในการเก็บตัวอย่างน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรม | |
25 | ประกาศคณะกรรมการควบคุมมลพิษ เรื่อง กำหนดประเภทของโรงงานอุตสาหกรรมที่อนุญาตให้ระบายน้ำทิ้ง ให้มีค่ามาตรฐานแตกต่างจากค่ามาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้ง ที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ฉบับที่ 3 (พ.ศ.2539) เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้ง จากแหล่งกำเนิดประเภทโรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรม | |
26 | ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดประเภทหรือชนิดของโรงงานที่ต้องจัดทำรายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษที่ระบายออกจากโรงงาน พ.ศ. 2553 |
ลำดับ | รายชื่อฟอร์ม | แบบฟอร์ม |
---|---|---|
1 | รายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษ ที่ระบายออกจากโรงงาน แบบ รว.1 | |
2 | รายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษ ที่ระบายออกจากโรงงาน แบบ รว.2 | |
3 | รายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษ ที่ระบายออกจากโรงงาน แบบ รว.2/1 | |
4 | รายงานเกี่ยวกับการศึกษามาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย | |
5 | บัญชีประเภทโรงงานที่มีแนวโน้มการระบายมลพิษทางน้ำในรูปบีโอดี สารอันตรายประเภทสารเคมี (Toxic) และโลหะหนัก | |
6 | แบบบันทึกรายละเอียดของสถิติและข้อมูลซึ่งแสดงผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียของแหล่งกำเนิดมลพิษ (ทส.1) | |
7 | แบบบันทึกรายละเอียดของสถิติและข้อมูลซึ่งแสดงผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียของแหล่งกำเนิดมลพิษ (ทส.1) |